สิบโมงครึ่ง พวกเรากะเวลาผิดไปมาก ในตอนแรกกะไว้ว่าถึงที่ทำการอุทยานฯประมาณ 9โมง หลังจากถึงอุทยานก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ แล้วย้ายสัมภาระขึ้นรถกะบะที่จนท.เตรียมไว้ให้ เราต้องนั่งรถของจนท.ประมาณ 21 กม. ทางเป็นดินแดง ดีแล้วที่เราจอดรถไว้ที่ทำการฯ ต้องเป็นคนชำนาญทางและรถสมรรถนะดีๆเท่านั้น
เที่ยง เราถึงลานกางเต๊นท์จัดการกางเต๊นท์และเติมพลังมื้อเที่ยงกันก่อน เก็บแรงไว้เที่ยวละแวกอุทยานฯรอบบ่าย
บ่ายหนึ่ง จนท.พาเราชมหินงอกหินย้อยในถ้ำตะเพินเงิน ถ้ำนี้ยังมีหินงอกหินย้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ บางจุดยังมีน้ำหยด จากนั้นพาไปสักการะพระพุทธรูปในถ้ำตะเพินทอง สองถ้ำนี้รูปค่อนข้างน้อย ภายในถ้ำแสงน้อยมากจึงไม่ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย
![]() |
ถ้ำตะเพินทอง |
![]() |
ถ้ำตะเพินทอง |
![]() |
ถ้ำตะเพินทอง |
![]() |
ถ้ำตะเพินทอง |
บ่ายสาม หลังจากจอดรถพี่ต๊ะ(เจ้าหน้าที่นำทาง)พาเราเดินผ่านไร่ข้าวโพด ไปชมน้ำตกตะเพินคี่น้อย
ระหว่างทางพี่ต๊ะเล่าให้ฟังถึงที่มาของอุทยานฯพุเตย
พุ คือ แหล่งน้ำจากใต้ดินที่ดันขึ้นมาบนผิวดิน
เตย คือ บริเวณนั้นมีต้นเตยขึ้นเยอะ
รวมกันเป็นอุทยานแห่งชาติพุเตย
น้ำตกตะเพินคี่น้อย |
น้ำตกตะเพินคี่น้อย |
น้ำตกตะเพินคี่น้อย |
น้ำตกตะเพินคี่น้อย |
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. นั่งได้นานเนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยงกลุ่มอื่นเลยนอกจากพวกเรา น้ำจากน้ำตกไม่พอเล่นแต่ก็พอเพียงให้นั่งฟังเสียง และสัมผัสไอน้ำจางๆ
บ่ายสี่ พี่ต๊ะพาเราไปดูตาน้ำของที่นี่ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านกะเหรี่ยง ตาน้ำที่นี่เป็นลักษณะแอ่งน้ำกว้างประมาณ 2x3 เมตร ลึกประมาณ 20-40 ซม. มีฟองอากาศผุดขึ้นมาจากดิน ตรงนั้นจะเป็นตาน้ำ น้ำตรงนี้จะไม่เคยแห้งมีให้หมู่บ้านได้ใช้ตลอดทั้งปี จะมีแห้งอยู่ครั้งเดียวคือคราวที่เกิดซึนามิ!!
หลังจากนั้นพวกเรากลับเข้าที่พัก ไม่นานนักก็เริ่มมีนักท่องเที่ยงเข้ามาสมทบ บางกลุ่มก็เอาเต๊นท์มาเอง บางกลุ่มก็ยืมเต๊นท์ของอุทยาน พวกเราอาบน้ำ พักผ่อน เตรียมอาหารเย็น
หลังมื้อเย็นแล้วรอเวลาฟ้ามืดขึ้นมาหน่อย ผมก็เริ่มชวนกันดูดาวคราวที่แล้วที่ไปดอยเสมอดาวผมยังหาดาวเหนือไม่เจอเลย คราวนี้ผมจะมาแก้ตัว
ผมเปิดแอป google sky map ผมมองหาดาวหมีใหญ่ (กลุ่มดาวที่ชี้ไปยังดาวเหนือ) แต่เวลานี้ดูช่างไม่เหมาะเสียเลยผมเลยหาดาวหมีใหญ่ไม่พบซะแล้ว เปลี่ยนเป็นดาวค้างคาวแทน ครับผมหาดาวค้างคาวเจอแล้ว ตามสูตรตรงรอยหยักของตัว M จะชี้ไปยังดาวเหนือ สุดท้ายคืนนี้ผมหาดาวเหนือเจอ ^ ^ แต่ดาวเหนือคืนนี้ช่างจางเสียเหลือเกิน อยากเห็นดาวเหนือชัดกว่านี้อีกคงต้องทริปหน้าละครับ
ในคืนนี้เราใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูดาว ดาวที่ผมพบคืนนี้มี
- ดาวศุกร์ (ดูเป็นอยู่แล้ว)
- ดาวเหนือ
- กลุ่มดาวค้างคาว
- กลุ่มดาวคนคู่
- กลุ่มดาวหมาใหญ่
- กลุ่มดาวนายพราน
คืนนั้นนั่นเองมีเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับการเที่ยวธรรมชาติ เนื่องจากผมลุกไปเข้าห้องน้ำตอนเที่ยงคืนพอดีก็พบว่ายังมีนักท่องเที่ยงถึง 3 กลุ่มส่งเสียงดังสนั่นดอย 2 กลุ่มมีกีต้าร์ อีก 1 กลุ่มคุยกันเสียงดัง ผ่านไป 1 ชม. กลุ่มที่เล่นกีต้าร์ใกล้เต๊นท์ที่ผมนอนเงียบตัวลง ครึ่งชม.ต่อมากลุ่มที่คุยกันเรื่องบอลเรื่องพี่น้องผองเพื่อนพ่อตาตายแม่ยายป่วยเงียบตัวลง ตี2กลุ่มสุดท้ายเล่นเพลงสิบแปดฝนเป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงร่ำลาพร้อมประกาศชื่อเสียงเรียงนามไว้อย่างชัดเจน ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะขับรถออกจากลานก็ได้เบิ้ลรถเสียงดังปลุกนักท่องเที่ยว
เช้ามาผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่าคนที่ประกาศชื่อตนก่อนลงดอยเป็นลูกของผู้ใหญ่บ้านละแวกนั้น ขึ้นมาบนอช.นี้บ่อยแล้ว จนท.ก็ทำอะไรไม่ได้
ทริปนี้ดีมาหมดแล้วครับมาเสียจุดนี้จุดเดียว ตรงที่หลัง 4 ทุ่มแล้วยังปล่อยให้มีเสียงดังได้อีก ตรงนี้นักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ควรจะร่วมมือกันนะครับ นักท่องเที่ยวก็ควรจะรู้มารยาทการเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่ต้องปล่อยให้ใครมาว่ากล่าวตักเตือนมันควรจะเป็นจิตสำนึกอยู่ในตัวเราเอง ผมเห็นเต๊นท์ที่เสียงดังยังมีเด็กอีก2คน เด็กมันจะเลียนแบบเอาได้พอโตไปก็จะไปทำพฤติกรรมไม่ดีอีก ส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ควรเข้าไปตักเตือนเมื่อถึงเวลา ทำป้ายมาติดหรือทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าควรงดใช้เสียงเมื่อใด
นอกเรื่องไปยาวเหมือนกัน
สุดท้ายคืนนั้นผมก็หลับไปหลังจากที่ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ
พรุ่งนี้เช้าตื่นตีสี่ครึ่งครับ รีบนอนๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น