มาถึงช่วงบ่าย เราปักหลักที่พักใกล้ริมหนองน้ำ กะว่าคืนนี้นอนฟังเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ
ช่วงเย็น ขับรถขึ้นไปยังจุดชมวิว
มืดหน่อย พวกเราจัดหาอาหารกินกัน ฝนเริ่มตั้งเค้า ฝ่ายพ่อครัวก็ทำกับข้าวไป ทำไปได้ไม่นานฝนก็เทลงมา จำเป็นต้องมูฟเข้าที่กำบังเป็นเพิ่งเล็กเรียงต่อกันของทางอุทยานฯ กินกันจนอิ่มแล้วฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ประกอบกับคำขู่จาก จนท. ว่าคืนนี้ฝนไม่น่าหยุดแน่ๆ พี่เค้าก็ใจดีให้พวกเรามูฟเข้าไปพักที่ตึกสำนักงานฯ
นอนกันจนถึงเช้า พวกเราก็เก็บข้าวของกลับ กทม.
...แต่เดี๋ยวก่อน คืนที่ผ่านมานั้นใช่ว่าจะได้นอนกันสบาย มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นที่ตึกสำนักงานที่เราพักด้วย ผมเคยเขียนเก็บไว้ตามด้านล่างนี่ครับ
มีเรื่องเล่าสั้นๆมาฝากครับ คืนนั้นฝนตกหนักมาก บริเวณเต๊นท์ของพวกเราเป็นแอ่งไม่เหมาะสมที่จะนอน เจ้าหน้าที่ก็ใจดีเปิดห้องให้เราเข้าไปพัก พวกเรา 5 คนตกลงเก็บของเข้าบ้านพักตอนประมาณสี่ทุ่ม สภาพบ้านพักคื
อมี หนึ่งห้องโถงหลักอยู่ตรงกลาง และมีห้องย่อยอีก 3 ห้องอยู่รอบโถงหลัก และมีห้องน้ำอยู่ 1ห้องที่เราเดินเข้าจากโถงหลักได้ ที่สำคัญ ไม่มีไฟฟ้า! พวกเราตัดสินใจปูที่นอนในห้องโถงหลัก และเริ่มเก็บข้าวของ
หลังจากจัดแจงเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อนคนนึงขอตัวอาบน้ำก่อน ที่เหลือ 4 คนนั่งคุยกันโดยมีแสงสว่างจากแสงเทียน ระหว่างสนทนามีเสียงเคาะประตูด้วยอุ้งมือดังขึ้นมาจากประตูหลังผม 1 ที (ปัง!!) เสียงดังมากขนาดที่ทำให้การสนทนาหยุดลงได้ เรามองหน้ากัน ยิ้ม... ไม่พูดอะไร
รุ่งเช้าก่อนกลับกทม. ผมตัดสินใจเปิดห้องทั้งหมดดู ผมเปิด2 ห้องที่ไม่น่าสงสัยดูก่อน สภาพห้องเหมือนห้องพักธรรมดา มีเตียง5ฟุตวางอยู่ 3 เตียง 2 ห้องนี้ไม่น่าติดใจอะไร ผมเดินไปที่ห้องที่มีเสียงผิดปกติแล้วเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ กลิ่นเหม็นอับมาก เหมือนเป็นห้องเก็บของ มีกลิ่นสาปๆ ห้องนี้มีหน้าต่างที่ปิดไว้แต่รวบม่านให้มีแสงเข้าได้ มีเตียงวางอยู่ และมีห้องน้ำในตัว ที่สำคัญไม่มีทางเข้าออก เข้าได้ทางทางประตูนี้ทางเดียว
ผมคิดในใจ แล้วเมื่อคืนใครเคาะประตู! ทุกวันนี้ก็ยังคาใจกับเสียงนี้อยู่
เกร็ด
สัญญาณโทรศัพท์ ไม่มี
ร้านค้า ไม่มี
ห้องน้ำ มี