วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ทริปกาญฯเริงร่า อนันตาฯ - เอราวัณ [2/2]

หลังจากออกจากที่พัก อนันตาริเวอร์ฮิลล์รีสอร์ท แล้วก็ขับรถไปต่อกันที่น้ำตกเอราวัณ

เที่ยง เราออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปน้ำตกกันถึงน้ำตกก็หาอะไรรองท้องมื้อเที่ยงแถวๆนั้น หลังจากมื้อเที่ยงเราก็เดินเท้าไปสู้น้ำตก (ตรงนี้มีรถกอล์ฟบริการ 30 บาทต่อคน แต่ไม่ไปกัน ก็ถ้าสู้แดดเมืองไทยไหวล่ะก็แนะนำให้เดินลองเดินดูซักตั้ง) เดินจริงๆครับซักครึ่งกิโลก็

ถึงน้ำตกชั้นที่ 1 เอ้า!!น้ำตกไม่สูง คิดว่าด้านบนน่าจะสวยกว่า แรงยังเหลือขอเดินต่ออีกหน่อย

ถึงน้ำตกชั้นที่ 2 เอ้า!! คนเยอะ ปรึกษากันเดินต่อแล้วกันข้างบนน่าจะสวยกว่า

ถึงน้ำตกชั้นที่ 3 เอ้า!! คนเยอะ นี่วันธรรมดานะทำไมคนยังเยอะอย่างนี้ มองหน้ากัน อ่ะ ชั้นต่อไปน่าจะสวยและคนน้อยนะ

ถึงน้ำตกชั้นที่ 4 เอ้า!! หมดแรงแล้ว พักที่ชั้นนี้แหละ

ผมก็จัดแจงหามุมถ่ายภาพเลยครับ คนเยอะคนน้อยไม่สนแล้ว ให้เดินต่อกว่านี้ก็คิดว่าจะไม่เหมาะ เลือกยุทธภูมิแล้วถ่ายดีกว่า

ได้ภาพมาเท่าที่เห็นครับ

คือจริงๆแต่ละชั้นเค้ามีชื่อเรียกด้วยนะ แต่ระหว่างเดินเหมือนมันจะตกหล่น ทำให้ตอนนี้นึกอะไรไม่ออกเลย






เป็นน้ำตกที่ผมไม่ได้เล่นน้ำครับเพราะเวลาจำกัดและมัวแต่ถ่ายรูป ถ้าเทียบกับน้ำตกอื่นๆ บางที่ผมก็เล่นนะ

ระหว่างลงก็เจอน้ำตกเล็กๆคนน้อยก็เลยขอเก็บภาพมาซะหน่อย



จบแล้วครับ ทริปเดินทางไปเล่นน้ำง่ายๆขับรถไม่นาน จุดเด่นที่ทำให้เราประทับใจทริปนี้คือ
  • เดินทางง่ายครับ ขับรถประมาณ 3-4 ชมก็ถึงรีสอร์ท
  • คนไม่เยอะ เนื่องจากเป็นรีสอร์ทเลยจำกัดคนเข้าพักได้ คนก็เลยจำกัดไปด้วย ไม่เหมือนไปทะเลที่ต้องไปแย่งกันเล่นน้ำ แย่งกันเข้าห้องน้ำ
  • มีเรือให้พาย มีเครื่องเล่นให้เล่น
  • ที่พักอยู่ติดน้ำจะโดดเมื่อไหนก็ได้
  • มีห้องน้ำส่วนตัว
  • น้ำไม่เหนียวตัวเหมือนน้ำทะเล
  • ลมที่พัดเข้ามาก็ไม่ทำให้ตัวเหนียมเหมือนกัน
  • ห้องพักมีแอร์ด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ทะเลไม่ดีนะครับ ก็แล้วแต่คนชอบล่ะ

ทริปกาญฯเริงร่า อนันตาฯ - เอราวัณ [1/2]

ทริปกาญจนบุรีสั้นๆ นอนเขื่อนศรีนครินทร์ ขากลับแวะเล่นน้ำตกเอราวัณ

ทริปผ่อนคลายง่ายๆ สบายและขับรถไม่นานอย่างนี้ ผมล่ะชอบที่สุด

ตอนเช้าตรู่ พวกเราออกเดินทางจาก กทม ผมเลือกไปทาง เพชรเกษมและก็รู้ตัวทันทีว่ามาทางผิด!! ส่วนเพื่อนอีกคันไปทางบางเลนทำเวลาได้เร็วกว่าเส้นนี้เกือบครึ่งชั่วโมง

ตอนสาย พวกแวะจุดสำคัญคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่คิดว่าทุกคนเคยไปมาแล้ว!! แต่ก็ยังมีเพื่อนสมาชิกคนนึงยังไม่เคยไป ก็พานางมาซะหน่อย





= ถ่ายรูปกับสะพานตอนแดดร้อนๆ อยู่กันได้ไม่นานก็แวะหาไรทานที่แพแถวนั้นหละ =

เที่ยงพอดี หลังจากแวะเติมพลังกระเพาะแล้ว ออกเดินทางสู่ที่พักของเราคือ อนันตาริเวอร์ฮิลล์รีสอร์ท
(เล่ากันยาวๆก่อนถึงจะให้ดูรูป) หลังจากเข้าห้องพัก ทุกคนก็พักผ่อนรอแดดร่มลมตกกันก่อน ก็พากันเล่นน้ำ พายเรือคายัค

และแล้วเราก็ถึง แดดแรงกำลังดี

เห็นนั่นไม๊ แพๆๆๆๆๆ

ถ่ายป้าย

เอาล่ะ แดดเริ่มจางแล้ว เล่นน้ำกันดีกว่า
 
แดดร่มแล้ว เตรียมเล่นน้ำ

เรือนแพ

สไลเดอร์

นี่ก็สไลเดอร์

บรรยากาศรอบ ถ่ายบนเรือคายัค

บรรยากาศรอบ ถ่ายบนเรือคายัค

บรรยากาศรอบ ถ่ายบนเรือคายัค

บรรยากาศรอบ ถ่ายบนเรือคายัค

บรรยากาศห้องพัก ห้องที่เราพักเป็นห้องแบบ 2 คน จุได้มากสุด 4 คน ห้องกว้าง มีแอร์ ห้องน้ำสะอาด
มองจากระเบียงหลังห้องเข้าไป

ห้องน้ำ

มองจากประตูหน้าห้อง

ระเบียงหลังห้อง มองไปเจอน้ำเลย

ระเบียงหลังห้องยามเย็น

นั่งดูน้ำและฟ้า เพลินๆ

 

ก่อนพระอาทิตย์ตก ทางรีสอร์ทพาทุกคนไปชมพระอาทิตย์ตกกันบนแพเปียก พาล่องออกไปห่างจากที่พักซักหน่อยแล้วก็ปล่อยให้เล่นน้ำ ชมพระอาทิตย์ตกกันสบายอุรา

แพกำลังออก ถ่ายป้ายรีสอร์เก็บไว้หน่อย

มองเข้าไปที่เรือนแพ

แพกำลังเดินทาง

มุ่งหน้ากลางเขื่อน

 

เล่นน้ำรอพระอาทิตย์ตก

บางคนก็ไม่เล่นนั่งเพลินๆ


ตกดึก เราสั่งอาหารมาทานกันที่ห้อง เสียค่า service charge 20% แล้วก็นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัยกัน

ตอนเช้า เล่นน้ำกันก่อนทานอาหารเช้า หลังจากทานอาหารเช้าก็มาเล่นน้ำอีก เล่นเหมือนเกิดมาไม่เคยเจอน้ำ ใช่สิ!! เกิดมาไม่เคยอยู่แบบตื่นเช้ามาก็กระโดดลงน้ำได้เลย เลยขอให้เต็มที่วันนึง

ก่อนจบขอเตือนเรื่องอาหารนิดนึง วันที่พวกผมไป เรื่องอาหารนี่ผมให้ 1/5 ดาวครับ แต่วันหน้าอาจจะปรับปรุงแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้

ปิดท้ายด้วยรูปจากหลังห้องเราเอง


รูปมุมกว้างจากห้องพัก


แต่การเดินทางของเรายังไม่จบ ไปต่อกันที่น้ำตกเอราวัณนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

สูตรแพ็คกระเป๋า (และเป้) สำหรับการลุยยุโรป Travel Light


ที่มา : http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9440184/E9440184.html



แบกไปเรื่อยค่ะ แต่เราต้องทำงาน มิใช่แบกเป้เที่ยวเหมือนชาวบ้านเขา ดังนั้นบางครั้งเป้ใบเดียว อาจจะต้องอยู่นอกบ้านถึงสองเดือน แล้วก็จะต้องอยู่กับหลังเราไปตลอด วันนี้จึงมาแนะนำวิธีการแพ็คกระเป๋า สำหรับขาเที่ยว ที่อาจจะเคยกลับเมืองไทยแล้วพบว่า "เฮ้ย เสื้อตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลย อุตส่าห์แบกไปสองอาทิตย์ หรือ อุ้ย เราเอาอะแดบเตอร์มาด้วยแล้วหรือนี่ ดันไปซื้อใหม่มาอีกอัน" ซะอย่างนั้น

มาดูที่ชนิดของกระเป๋ากันก่อนค่ะ

ไม่จำเป็นต้องซื้อกระเป๋ายี่ห้อแพงๆ Samsonite หรือเป้ North Face คุณก็เที่ยวยุโรปได้







กระเป๋าที่เหมาะ คือกระเป๋าที่คุณรู้จักช่อง และซอกซอยของมันดี ว่ามีช่องอะไรอยู่ตรงไหน และคุณจะเอาอะไรยัดเข้าไปได้บ้าง กระเป๋าที่ดีคือกระเป๋าที่ตัวกระเป๋าเองมีน้ำหนักเบา รูปร่างหน้าตาไม่ล่อโจร และตามประสบการณ์เรา คือเป็นกระเป๋าที่นิ่ม (มันดีอย่างไรเดี๋ยวจะมาเล่าต่อค่ะ)

กระเป๋าควรจะมีสีไม่เข้มมากนัก ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเป้หรือลาก เพราะอะไรน่ะหรือค่ะ เพราะมันจะดูดความร้อน และทำอันตรายให้กับสิ่งที่อยู่ในกระเป๋านั่นเอง งานนี้ช็อกกะแลตของฝากที่ซื้อไว้ตั้งแต่วันแรก จะเละเป็นปลาร้าตั้งแต่ยังไม่ทันถึงวันสุดท้าย และเบียร์กระป๋อง ยี่ห้อแปลกที่จะซื้อไปฝากคุณลุงคอเบียร์ เผลอๆจะระเบิดออกมาได้

อย่า กระนั้นเลยซื้อผ้าร่มติดขอบยางยืดเคลือบสารป้องกันยูวีเอาไว้คลุมกระเป๋าและ เป้สักใบ นอกจากจะกันแดดได้แล้วก็ยังกันฝนได้ด้วย เวลาไม่ใช้ก็พับๆ ยัดไว้ในกระเป๋านั่นแล

หากคุณใช้บริการสายการบินโลว์คอสในยุโรป ให้มาเช็คขนาดกระเป๋ากัน โดยมีวิธีวัดดังนี้
- เอาสายวัด(ที่ไว้วัดตัวตัดเสื้อ) มาวัด โดยวางกระเป๋า เอาด้านที่เป็นฝาไว้ข้างบน จับมันนอนลงไป
- วัดความหนา โดยวัดจากพื้นขึ้นมา (อย่าไปวัดที่ตัวกระเป๋าโดยตรง) วัดความหนาขึ้นมา มันจะเป็นตัวเลขชุดที่เลขต่ำสุด (ถ้าบินไรอันแอร์ ไม่ควรเกิน 20 ซม.)
- วัดความกว้าง ด้านข้างของกระเป๋า
- วัดความยาว ก็คือด้านที่ยาวสุด อย่าลืมลากสายวัดไปจนจรดปลายลูกล้อ เพราะเวลาคุณยัดกระเป๋าลงในช่องวัดกระเป๋าของสายการบิน คุณไม่ได้ถอดล้อออกนี่

ขนาดกระเป๋าของสายการบินโลว์คอส(ชื่อดังๆ) ในยุโรปเป็นมาตรฐานดังนี้
Ryan Air / Wizzair 20 x 40 x 55 และไม่เกิน 10 กิโลกรัม
Easy Jet 25 x 45 x 56 หนักเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าคุณทูนหัวไหว

แต่เพื่อความปลอดภัย เราเองแพ็คกระเป๋าไว้ที่เล็กกว่า 20 x 40 x 55 ก่อนเสมอ เพราะมันจะบวมได้อีก






มีคนบอกไว้ว่า กระเป๋าสำหรับ สามวัน สองอาทิตย์หรือสี่เดือน ขนาดไม่ได้ต่างกัน ซึ่งเราก็ทดลองดูแล้ว ปรากฏว่าจริง

ในการเที่ยวปกติ คุณจะไม่ใส่ชุดชั้นในซ้อนกันสามชุด ดังนั้นชุดชั้นใน และถุงเท้าอย่างละ สามชุด ก็เพียงพอแล้ว

หากตัวหนึ่งใส่อยู่ อีกตัวซักรอแห้ง คุณก็จะมีไว้ฉุกเฉินอีกหนึ่งเสมอ

--------------------------------

สำหรับ ชุดสำหรับใส่ด้านนอก ขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่ก็ไม่ใช่ว่าฤดูหนาวจะทำให้กระเป๋าคุณหนาผิดปกติ เพราะสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา มีเพียง ผ้าพันคอหนึ่งผืน หมวกหนึ่งใบ ถุงเท้าหนาหนึ่งคู่ ถุงมือ เสื้อสเวตเตอร์ และเสื้อโค้ตกันหนาว (ซึ่งคุณใส่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว) ในขณะที่หน้าร้อน คุณก็จะมีหมวกแก๊บกันแดด ครีมกันแดด แว่นกันแดด เข้ามาแทนที่






การแพ็คแบบ Travel Light มีส่วนผกผันโดยตรงกับคนที่แบกกระเป๋าไปเดินแฟชั่นโชว์ (กรณีนี้ให้ดูสาวๆชาวจีน ที่จะแต่งตัวสวยราวกับนางแบบทุกวัน แต่มีกระเป๋าใบใหญ่เท่าเครื่องซักผ้าไปเที่ยวด้วย)

ถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้น เราไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่าเสียเวลามาอ่านวิธีแพ็คกระเป๋าแบบเบาเลย เสียเวลาเปล่าๆ

------------------------------

แพ็ค กระเป๋าแบบไลท์ มีข้อดีตรงที่คุณไม่ต้องโหลดกระเป๋า ไม่เสียเวลารอรับกระเป๋าที่สายพาน (ซึ่งแม้คุณจะโหลดกระเป๋า เรามีคำแนะนำให้ คือ ถ้าบินโลว์คอส พยายามไปเช็คอินให้เลทเข้าไว้ เมื่อโหลดกระเป๋าขึ้นไปเป็นใบสุดท้าย กระเป๋าคุณจะออกมาเป็นใบแรก ทำให้รอไม่นาน)

เมื่อไม่โหลดกระเป๋า สารเหลวต่างๆในกระเป๋าคุณจะต้องเป็นไปตามกฏความปลอดภัยของสนามบิน คือมีภาชนะใส่ไม่เกิน 100 มล. และไม่เกินสิบชิ้น (ตายละวา แล้วจะเอาของไปได้ครบหรือนี่) ลองเช็คดูจากของใช้สำคัญดังต่อไปนี้

-------------------------

แม้ ว่าภาชนะจะไม่เกิน 100 มล. ตามหลัก แต่ในควมเป็นจริง ไม่มีภาชนะใดที่เขียนว่าร้อยมิลลิลิตร จะใส่ของเหลวได้แค่ร้อยมิล ตามนั้นจริงๆ คุณยัดมันไปให้เต็มเถอะค่ะ ที่เมืองไทยมีขวดแชมพู และครีมอาบน้ำขนาดตามนี้อยู่แล้ว หาซื้อได้ง่าย สะดวกสบายมากๆ ก็นับไปเลยดังนี้

- แชมพู
- ครีมนวดผม (เราเข้าใจสาวๆดี ไม่มีใครอยากไปเที่ยวแล้วหัวฟู)
- ครีมอาบน้ำ (จะสะดวกกว่าสบู่มากๆ)
- ยาสีฟัน
แค่นี้เองจริงๆที่สำคัญ
ทีนี้เผื่อสำหรับคนที่รักสวยรักงาม
- ครีมรองพื้น
- ครีมทากลางคืน
- ครีมทากลางวัน
- มาสคาร่า
- น้ำหอม
- ดีโอดอแรนซ์ (น้ำยาระงับกลิ่น)
สำหรับคนที่ใส่คอนแท็ค
- น้ำตาล้างเลนส์
- ครีมกันแดด (สำหรับหน้าร้อน)
ยังมีที่เหลือให้ใส่ของเหลวได้อีก ถ้าคุณไม่ได้เอาเครื่องสำอางไปครบดังลิสต์

ส่วน คำถามที่ว่า แป้งแต่งหน้า อายแชร์โด ลิปสติกนั้น รวมไปในของเหลวหรือเปล่า คุณก็ดูสภาพของมันนะคะ แต่ตั้งแต่เราบินมาสามสิบกว่าไฟลท์ในยุโรป เจ้าหน้าที่จะไม่นับเครื่องแต่งหน้าพวกนี้รวมไปกับของเหลวค่ะ คุณทำการแยกถุงเครื่องสำอางออกได้เป็นอีกถุงใสได้ สำหรับลิปกลอสที่เป็นหลอดๆ หรืออายไลเนอร์แบบน้ำนั้น กรณีนี้ให้นับเหมือนมาสคาร่าค่ะ






เมื่อนับน้ำหนัก ของในถุงใส ของคุณจะมีน้ำหนักแค่ประมาณ 1 กิโลกรัม

ทีนี้มาดูของที่ขาดไม่ได้บ้าง นั่นก็คือยารักษาโรค
------------------------
สำหรับ คนที่เมารถ เมาเรือ แพ้อากาศ ปวดท้องเมนส์ และสาวๆที่รู้ว่าจะมีประจำเดือนช่วงเดินทางแน่ๆ ในกระเป๋ายาคุณจะมีของเหล่านี้เพิ่มไปด้วย ยาสำคัญที่ควรจะมีไปก็คือ ยาพาราเซตามอล ยาแก้อักเสบหนึ่งชุด(อันนี้ช่วยได้ดี และหาซื้อไม่ได้ในยุโรป) พลาสเตอร์ปิดแผล และเบตาดีน แต่เราไม่พก พกแต่ผงพิเศษตราร่มชูชีพ (อย่าถือว่าโฆษณาเลยค่ะ แต่มันคุ้มค่าการแบกจริงๆ เพราะเป็นผง ใช้ทาแผลสดแผลเปื่อย รวมทั้งทาหน้ากันสิวได้อีก)

สาวๆ อย่าลืมพกผ้าอนามัยไปอย่างน้อยห้าชุด หากวันมามากจริงๆ คุณก็ยังมีเวลาพอหาซื้อได้ ในยุโรปก็มีผ้าอนามัยแบบแผ่นขายค่ะ

หาก คุณมีประวัติไม่ถ่ายเวลาไปเที่ยว หรือชอบอั้นปัสสาวะ พกยาสำหรับกระเพาะปัสสาวะอักเสบและยาระบายมาด้วย ก็ไม่ได้ทำให้หนักเพิ่มขึ้น อัตราส่วนตามจำนวนวันที่เดินทาง

คนที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ก็พกยามาเพิ่มตามความจำเป็นของคุณ น้ำหนักยาที่เอามา อย่างไรก็ไม่ถึงสามขีดค่ะ





ทีนี้ก็เป็นเรื่องของ Gadget
เช็คลิสต์ดังต่อไปนี้
- โทรศัพท์มือถือ
- ที่ชาร์จโทรศัพท์
- อะแดบเตอร์ ในกรณีที่ปลั๊กเครื่องเล่นต่างๆ ยังไม่เป็นขากลมสองขา
สำหรับ สมาชิกแบกเป้ที่มากันหลายๆ คน เราอยากจะแนะนำให้มีคนหนึ่ง เอาสายพ่วงต่อมาด้วย เพราะในบางโฮสเทล มีรูเสียบอันเดียว คุณจะชาร์จแบตกล้องถ่ายรูปกันไม่ทัน ทำให้วันรุ่งขึ้นเสียโอกาสในการถ่ายรูปไปโดยไช่เหตุ
- คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ถ้าจะแบกไปเล่นเน็ท แล้วอย่าลืมสายชาร์จ
- กล้องถ่ายรูป
- เมมโมรี่การ์ด (เผื่อเต็ม หรือหาย)
- ที่ชาร์จแบตกล้องถ่ายรูป

Gadget เปล่านี้ เพียงพอสำหรับกิจกรรมอื่นๆแล้ว เช่นนาฬิกาปลุก ก็ใช้โทรศัพท์มือถือไป ไม่ต้องพกมาอีก นาฬิกา ก็ไม่ต้องเอามา มือถืออันเดียวเอาอยู่ เผลอๆ คุณสามารถโหลดแผนที่แต่ละเมืองใส่ในมือถือ เพื่อใช้ระหว่างเที่ยวได้ด้วย สำหรับกล้องถ่ายรูปนั้น ก็ใช้ถ่ายภาพแผนที่เมือง เพื่อใช้ช่วยในการเดินหาที่พักให้สะดวกขึ้นได้ด้วย

สำหรับสาวๆที่อยากสวย การที่คุณจะลงทุนแบกไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม เครื่องม้วนผมมานั้น เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยอย่างมาก กรุณาสอบถามกับทางที่พักก่อน เพราะหลายๆที่มีให้ใช้อยู่แล้ว อีกอย่างคืออากาศในยุโรปนั้นความชื้นน้อยกว่าไทย ผมคุณจะแห้งได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แค่หวีให้เข้ารูปทรง คุณก็จะสอยแบบแบ็คแพ็คเกอร์เลยทีเดียว การจะสวยที่ผมเพิ่มเติมเป็นปัจจัยที่คุณต้องคิดเอง ว่าแต่ละวันจะมีเวลาทำสวยนานแค่ไหน จะได้โชว์ใครอีกกี่มากน้อย หากจะนำไดร์ หรืออุปกรณ์ทำผมมา พยายามใช้แบบที่คอมแพ็ค คืออันเล็กๆ อเนกประสงค์เข้าไว้





ของเล่นทั้งหลาย รวมน้ำหนักกันไปแล้วเกือบสามกิโลกรัม (งานนี้คุณๆที่ใช้กล้องโปร แบบว่ากล้องอย่างเดียวหนักหนึ่งกิโลกรัมเข้าไปแล้ว แถมต้องแยกกระเป๋ากล้องอีกตังหาก) ก็อาจจะต้องเดินทางหนักกว่าคนอื่นอีกสักหน่อย

สำหรับขาตั้งกล้อง ขอแยกออกมาเป็นอุปกรณ์ฟุ่มเฟือย เพราะเราเห็นว่าไปที่ไหนก็มักจะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่แล้ว เอ่ยปากสักคำ เพื่อให้มีรูปถ่ายตัวเองสักรูป ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่ถ้าคุณพอใจจะถ่ายรูปตัวเอง ดังนั้นก็ต้องแบกขาตั้งกล้องไปเองอีกหนึ่งอย่าง งานนี้คนที่ตั้งใจจะไปถ่ายรูป pre-wedding หรือเน้นไปเที่ยวเพื่อจะได้มีรูปตัวเองเยอะๆอย่างเดียว โอกาสจะ Travel light ก็จะน้อยลง แต่จะไม่มีผล หากคุณเดินทางกันเป็นหมู่คณะ เอาไปคนเดียว ใช้กันทั้งกลุ่ม

-----------------------------
ต่อมาก็เสื้อผ้าที่ใส่
- ชุดนอนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และเป็นสิ่งที่ไม่ได้ต้องเปลี่ยนทุกวัน หากคุณไปเที่ยวเกินอาทิตย์ เอาชุดนอนไป 2 ชุดก็เพียงพอแล้ว
- กางเกงยีนส์ เป็นสิ่งที่ practical ที่สุดสำหรับการเที่ยวแบบลุยๆ โดยเฉพาะในยุโรป กางเกงยีนส์ตัวเดียวอยู่ได้เป็นเดือน แต่เพื่อสุขอนามัย คุณควรจะมีสักสองตัว (รวมตัวที่ใส่อยู่) หากเป็นฤดูร้อนก็ใส่เป็นกางเกงขาสั้นก็ได้ ไม่ผิดกติกา
- เสื้อ จุดนี้เป็นความสามารถของคุณในการเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีอยู่น้อยตัวให้เกิด ความหลากหลาย หากเป็นฤดูหนาว เสื้อผ้าเหล่านี้จะไม่มีโอกาสออกมาโชว์ สีจึงไม่ค่อยมีความสำคัญ หากคุณไม่อยากกลืนเข้าไปในหมู่คนยุโรปที่ใส่แต่สีตุ่นๆ ก็พยายามหาสีสดใสเข้าไว้มาใส่ เทรนด์ของแฟชั่นปีนี้ เป็นสีม่วง และเขียวเทอร์คอยซ์ค่ะ การพกพาเสื้อไปด้วย ให้คุณเอาพวกมันมาลอง combination ต่างๆ แบบไหนก็ได้ โดยให้มีเสื้อผ้าสำหรับใส่ได้ 3 วันโดยไม่ต้องซัก เป็นอันว่าเพียงพอ





ที่พัก เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ต่อการเที่ยวแบบตัวเบาๆ
บาง ที่พัก จะมีอุปกรณ์ซักล้างให้บริการ ที่ตากผ้า เครื่องอบผ้าหรืออุปกรณ์อื่นใด ดังนั้น การจองที่พัก และเลือกที่พักก่อนเดินทาง สำคัญทีเดียวสำหรับการ Travel light

หาก คุณรู้ว่าโฮสเทลที่จะไปพักทั้งทริป มีบริการผ้าเช็ดตัวนุ่ม สะอาดบริการ คุณก็ไม่ต้องพกผืนยักษ์ที่บ้านไป เตรียมไปเป็นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไว้เช็ดหน้า ก็พอแล้ว

หากคุณเที่ยวสักสี่เดือนแต่ทุกๆ สามวัน สามารถซักผ้า และตากได้ เสื้อผ้าของคุณไม่จำเป็นต้องมีเจ็ดชุด แต่มีเพียง combination เผื่อให้ใส่ได้ห้าวันก็พอแล้ว เสื้อผ้าบางชุดเลือกเอาที่เก่าหน่อยแล้วไปบ้างก็ได้ คุณมีโอกาสในการจะเจอเสื้อผ้าสวยๆ ถูกใจ ราคาไม่แพงระหว่างทางได้ จะได้มีพื้นที่ในกระเป๋า เพื่อจะเอาของใหม่กลับบ้านได้

-------------------------
มาถึงเอกสาร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทาง
- พาสปอร์ต สแกนพาสปอร์ตส่งหาอีเมล์ตัวเองเก็บไว้ใช้ได้นานทีเดียว เพราะมันปลอดภัยไม่หาย และปรินท์ก็อปปี้ไว้ สำหรับการออกไปเที่ยว โอกาสที่ตำรวจท้องถิ่นจะจับคุณตรวจพาสปอร์ตนั้น มีเปอร์เซ็นต์น้อยยยยยมาก น้อยกว่าการที่คุณจะไปทำพาสปอร์ตหาย หรือโดนขโมยระหว่างทางเสียอีก
- บัตรธนาคาร ไม่จำเป็นต้องเอาบัตรเครดิตมาทุกธนาคาร บัตรที่ยุโรปยอมรับคือบัตรประเภท Visa/ Mastercard โดยมาสเตอร์การ์ดจะเป็นที่ยอมรับมากที่สุด และการซื้อของในยุโรป ไม่มีชาร์จลูกค้า 3% เหมือนในเมืองไทย คุณจ่ายเท่าราคาที่คุณเห็นเท่านั้น ค่าที่เพิ่มมา เป็นส่วนต่างของอัตราแลกเงินของบัตรเครดิต ซึ่งอาจจะไม่เท่ากับอัตราเงินสดที่คุณเห็น
- หากคุณมี Atm แบบที่กดเงินในต่างประเทศมาด้วย อย่าลืมจดเบอร์โทร เพื่อการอายัดมาด้วย ทำเช่นเดียวกับบัตรเครดิต บัตร ATM บางชนิดสามารถรูดจ่ายค่าสินค้าในยุโรปได้เลย เช่น Maestro
- เงินสด อันนี้ขึ้นอยู่กับที่พักที่คุณได้เลือกด้วย หากที่พักมีการให้บริการเซฟ ให้แบ่งเงินใส่เซฟไว้ เซฟโรงแรมตามสถิติแล้ว มีความปลอดภัยสูงกว่าการแบ่งเงินใส่ตามเสื้อชั้นใน ถุงเท้า ซอกต่างๆตามเสื้อผ้า และกระเป๋าสตางค์อยู่แล้ว เอาเงินติดตัวออกเที่ยวเฉพาะแค่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของวันนั้นๆ ถ้าไม่รู้ว่าสักเท่าไหร่ดี เอาไปวันละ 40-50 ยูโรก็พอค่ะ เอาเครดิตการ์ดไปด้วย แค่นั้นก็พอแล้ว
- อย่าลืมจดเบอร์ของบริษัทประกัน อาจจะเป็นเบอร์โทร อีเมล์หรือวิธีการติดต่ออื่นๆ ในกรณีที่คุณเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล หรือโดนขโมยของสำคัญ ตกไฟลท์หรืออุบัติเหตุ อุบัติภัยอื่นๆ จะได้มีคนช่วยประสานงาน
- พกนามบัตรตัวเอง หรือการ์ดเขียนชื่อตัวเอง ที่พักเอาไว้ด้วย คุณไม่รู้ว่าจะไปปิ๊งๆ หนุ่มน่ารักในร้านกาแฟไหน หรือจะไปโดนรถเฉี่ยวตอนไหน เก็บเอกสารที่จะทำให้คนอื่นรู้ว่าคุณเป็นใครไว้บ้างก็ได้
- ปากกาเล็กๆสักอันกับสมุดโน้ต สำหรับคนที่ชอบจดระหว่างการท่องเที่ยว เอาไว้เขียนโปสการ์ด และแจกเบอร์โทร ;)






ก่อนออกจากบ้านมา อย่าลืมทิ้งแผนการเที่ยวไว้กับคนที่บ้าน เพื่อนสนิท มิตรสหายด้วย เขาจะได้รู้ว่าคุณไปเที่ยวยุโรป ลดปริมาณการรับโทรศัพท์จากเพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในเวลาสองยามที่เมือง นอกได้ดี นอกจากจะหงุดหงิดเสียอารมณ์แล้ว ยังเสียเงินค่ารับโทรศัพท์บานเลย

พก แผนการเที่ยวไว้กับตัวคุณอีกชุด นอกจากจะไว้ใช้ที่ต.ม.แล้ว มันก็จะเป็นไกด์ไลน์สำหรับทริป และแนวทางสำหรับการกลับมารีวิวทริปตัวเองของคุณให้เพื่อนๆในพันทิปด้วย ข้อมูลที่น่าสนใจมิใช่เพียงรูปถ่าย แต่เป็นคำตอบสำหรับคำถาม How ต่างหาก

เดี๋ยวมาเขียนต่อเก็บส่วนที่เหลือนะคะ ไปกินซูชิบุฟเฟ่ต์ก่อน เพื่อนมาเรียกแล้ว






กลับมาแล้วค่า มาซะเอาตีสองกว่า(ยุโรป) แต่ช่วยไม่ได้ เป็นมนุษย์ค้างคาว มะนาวค้างคืนก็ทำงานแบบนี้แหละค่า

สำหรับ ชุดชั้นใน จริงๆอยากบอกว่าไม่ต้องอายเลยนะคะ คนยุโรป (หรือง่ายๆก็คนต่างชาตินั่นแหละ) ไม่มีนิสัยหัวว่างมาก มานั่งคิดพิจารณาและแอบวิจารณ์เครื่องในชาวบ้านค่ะ แต่ของเราจะเน้นเที่ยวแบบผ้าขี้ริ้วห่อทอง นั่นก็คือแม้ข้างนอกจะเก่าๆ ดูจนหน่อย แต่ชุดชั้นในที่พกไป เอาตัวที่สวยสุด เพิ่งซื้อใหม่ไปเลยทีเดียว เวลาตากแอบภูมิใจ อายนิดเดียวตรงที่มีน้อยเกิน ฮ่าๆๆ

สำหรับผงซักฟอก จริงๆเราเคยพกไป แต่ไม่ได้ใช้เลยค่ะ เพราะแต่ละที่ ที่มีเครื่องซักผ้า มักจะได้อานิสงส์ทานผงซักฟอก จากนักท่องเที่ยวคนอื่น ที่เขาซื้อมากล่องๆ แล้วซักครั้งเดียว ที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้คนอื่นใช้ฟรี (หวานหมูเรา) แต่จริงๆชุดชั้นในเราใช้ครีมอาบน้ำซักเลยค่ะ ยิ่งหน้าหนาวจะแห้งไวมาก ถ้าได้ตากที่ไม้แขวนเสื้อใกล้ๆฮีทเตอร์

มาต่อกันค่ะ อุปกรณ์อื่นที่ควรพกไปด้วย
-------------------------------------
- ชุดเย็บผ้า ปัจจุบันมีขายเยอะพอสมควร มีเข็มแข็งแรงหนึ่งอัน ตะขอเกี่ยวหนึ่งชุด ด้ายหลากสี ดำ ขาว แดง เขียว เหลือง อย่างละนิด และกระดุมหนึ่งเม็ด อยู่ในกล่องแบนๆ เท่ากระจก เอาไว้ใช้เย็บโน่นนิดนี่หน่อยที่เสียหายระหว่างเดินทาง ใครจะรู้ว่ากระโปรงตัวโปรดจะตะขอหลุด หรือส้อมในกระเป๋าคุณจะทำพิษแทงซะจนเป็นรู ร่มลายปิซ่าที่ต่อมาจากห้ายูโรเหลือสาม พอกางแล้วมันจะพัง ก็ได้ตัวนี้ช่วยไป
- ไม้แขวนเสื้อแบบลวดบางๆ สักสองอัน ช่วยได้เยอะ เมื่อผ้าได้ขึงให้โดนลมโกรกง่าย มันก็ยิ่งแห้งไว เทคนิคตากผ้าแห้งเร็ว หากที่พักไม่มีหน้าต่างหรือระเบียง ก็ให้หามุมแขวนในห้องน้ำ แล้วเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้คะ เราก็ไม่รู้ว่ามันแห้งได้ด้วยอะไร แต่ช่วยให้แห้งเร็วได้จริงๆ
- ถุงพลาสติก ใหญ่เล็กอย่างละใบ ใบใหญ่จะบอกว่าเอาไว้ช้อปปิ้ง เพราะถุงในยุโรปปัจจุบันนี้หาฟรียากมากค่ะ อย่างน้อยที่สุด ถุงพลาสติกธรรมดาก็ห้าเซนต์เข้าไปแล้ว แม้ว่าถุงใสที่ใส่ผักจะแจกฟรี แต่มันขาดไวมาก ใส่ของหนักก็ไม่ได้ เอาถุงไปเองดีกว่า ถุงเล็กก็เอาไว้แยกเสื้อผ้าตัวที่ใส่แล้ว ออกจากที่ไม่ใส่ จะได้ไม่ปนกันไปหมด
- หนังสติ๊ก นอกจากไว้รัดพวกถุงต่างๆแล้ว ก็อาจจะมีประโยชน์ขึ้นมาในระหว่างเดินทาง เอามานิ๊ดนึงไม่ได้หนักอะไรเลย
- แม่กุญแจไซส์กลาง และลูก(ขาดได้ไง) อันนี้มีประโยชน์นอกจากที่หลายๆคนจะทำ ด้วยการเอาตัวรูดซิปกระเป๋ามาผูกติดกันล็อกแล้ว จริงๆแล้ว ตามโฮสเทลหลายแห่ง มีตู้ล็อกเกอร์ให้ฟรี เช่นที่ยูธโฮสเทลลักเซมเบิร์ก โฮสเทล Meiringen, Vienna คุณเอากุญแจของตัวเองล็อกไปเลย ไม่เสียเวลาไปเช่ากุญแจ เพราะบางแห่งเขาให้ยืมฟรี แค่วางมัดจำ บางแห่งคิดค่าเช่ากุญแจด้วย เอาของตัวเองสบายใจกว่า หากไม่ได้ใช้จริงๆ เห็นว่าหนัก อยากจะทิ้ง ไปล็อกทิ้งไว้ที่สะพานที่โคโลญจน์ เยอรมันนี ได้ค่ะ :)
-----------------------------
สำหรับบางที่ ที่เขาไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ เรามีวิธีแนะนำดังนี้ค่ะ หากคุณพักที่ละคืน เวลาอาบน้ำตอนเช้าให้รื้อผ้าปูที่นอนลากเข้าไปในห้องน้ำเลย ใช้เช็ดตัวไปเลย เพราะยังไง เดี๋ยววันนั้นมันก็จะโดนรื้อออกจากเตียงคุณ ส่งไปโรงซักผ้าอยู่แล้ว ดีซะอีก ทางโฮสเทลขี้เหนียวๆ จะได้หมดโอกาสในการนำผ้าปูผืนนั้นไปรียูส

ผ้าปูที่นอน ยังใช้ได้ดีอีกอย่างคือช่วยทำให้ผ้าแห้งไว หลังจากบิดน้ำแล้วให้เอาผ้าชิ้นนั้นห่อไปกะผ้าปูที่นอนม้วนไปคู่กัน แล้วบิดอีกครั้ง ช่วยซับน้ำที่ยังเหลืออยู่เพิ่มได้อีก ผ้าแห้งไวถูกใจแน่นอน
---------------------------------
ด้านความ ปลอดภัย หากคุณแพ็คกระเป๋ามาด้วยกระเป๋าผ้าเนื้อนิ่ม มันดีตรงนี้เองคือ แม้ว่าล็อกเกอร์จะมีขนาดที่ไม่พอดีกะกระเป๋าคุณซะเป๊ะๆ อย่าเพิ่งรีบไปใช้ไซส์ใหญ่ขึ้น ให้ลองยัดกระเป๋าเข้าไปก่อน ตามปกติแล้ว หากของในกระเป๋าเองไม่ได้ใหญ่กว่าตู้ เมื่อพยายามทำกระเป๋าให้หลวมๆ หย่อนๆ มันจะกระดืบคืบคลาน เข้าตู้จนพอดีจนได้ ประหยัดเงินไป เช่นเดียวกับตู้ล็อกเกอร์ในโฮสเทล พอของสำคัญเข้าไปปลอดภัยหมดแล้ว รับรองคุณจะหลับสบายขึ้น ไร้กังวล






- ผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ อันนี้มีประโยชน์นอกจากจะไว้ใช้แทนผ้าเช็ดตัวในบากรณีแล้ว ก็พกไประหว่างเที่ยว บางทริปที่มันร้อนมาก คุณอาจจะไม่อยากใส่กางเกงขายาว แต่ดันอยากเข้าไปชมโบสถ์สวยๆ ก็เอามันลงมานุ่งเป็นผ้าถุงเลย จะได้ไม่เสียมารยาท

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือกระเป๋าเล็กอีกใบ ยัดเข้าไปในใบใหญ่นั่นแหละค่ะ กระเป๋าใบนี้คือกระเป๋าที่คุณจะใช้ในการออกเที่ยวชมเมือง ไม่ต้องใหญ่มาก ไม่ต้องใช้ยี่ห้อ ควรจะเป็นกระเป๋าที่ดูแล้วไม่น่าจะมีของมีค่า เอาให้มันร้ายๆ เก่าๆเข้าไว้ แล้วทีนี้คุณก็รวมลงไปเลยค่ะ ของต่างๆที่จะพกติดตัวไป ระหว่างวัน เวลาเที่ยวที่ไหน ก็ระวังแค่กระเป๋าเดินเบียดฝูงชนก็เอามันมากอดซะ ทำให้เป็นนิสัย ถือให้ติดมือ รับรองไปเที่ยวไหน อันตรายแค่ไหน ไม่มีอะไรหายแน่นอน

----------------------------------
อันสุดท้าย ไม่เกี่ยวกะกระเป๋าแล้ว แต่เป็นเช็คลิสต์ลาสมินิต ที่ควรจะทำ
- หนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทาง เช็คดูกับสายการบิน ว่าตั๋วของคุณนี่ไม่โดนเอเย่นต์ตัวแสบแคนเซิลทิ้ง เพราะเคยมีคดีเกิดขึ้นแล้ว เราก็หวังว่าคุณจะไม่โดน นอกจากจะมั่นใจว่าได้บินแล้ว หากสายการบินมีการรีไทม์ มีแผนจะแคนเซิลไฟลท์ หรือสนามบิดจะโดนปิดเนื่องจากการสไตรค์(ในต่างประเทศนะคะ) คุณจะได้รู้ทางหนีทีไล่ต่อไป

- หนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทาง ทิ้งโน้ตไว้ที่ทำงาน ว่าที่คุณหายไปน่ะไปต่างประเทศน่ะ ใครอย่าโทรหา ทิ้งอีเมล์ไว้ให้เขาติดต่อแทน และเตรียมบอกญาติสนิทมิตรสหาย หากมีเรื่องฉุกเฉินติดต่อที่ไหน ถ้าคุณเตรียมจองที่พักเรียบร้อย ให้เบอร์โทรของทางที่พัก คู่ไปกับแผนการเดินทางของคุณก็ได้ หากมีอะไรฉุกเฉินจริงๆ ตอนคุณเที่ยวกันอยู่ เขาก็โทรบอกรีเซฟชั่นโรงแรมคุณได้ เราละเบื่อมากเวลาไปทำงานแล้วมีคนโทรมา เวลาไม่ไปไหน ทำไมไม่โทรมาฟะ ตรูละเซ็ง รับทีเสียเงินบาน

- สามวันก่อนเดินทาง ตามไล่ส่งเมล์ไปยังที่พักทุกที่ ถ้าให้ดี คำนวณเวลาที่จะเข้าเช็คอิน แล้วแจ้งเขาไปอีกครั้ง นอกจากจะเช็คว่าบุ๊คกิ้งคุณยังอยู่ดีไหม ก็จะได้เตือนรีเซฟชั่นให้ทราบ หากคุณจะเช็คอินค่อนข้างค่ำ เพราะบางที่พัก เขาอาจจะไม่มีคนอยู่รอ หลังหกโมงเย็น เมื่อคุณส่งเมล์ไปบอกเช่นนี้ เขาจะได้แจ้งคนให้รอ (หลายๆโรงแรมเล็กๆ มักเป็นเช่นนี้) เช่นเดียวกับเช็คอิน หากคุณกะไปถึงเสียเวลาทานอาหารเที่ยงพอดี เขาจะได้ไม่ยกโขยงกันไปกินข้าวหมด

- วันสุดท้ายก่อนเดินทาง ทำการแพ็คกระเป๋าและเช็คซ้ำ อะไรที่ไม่สำคัญรื้อออกบ้าง ตามสภาพอากาศ (ถ้าให้ดีเช็คมันอย่างน้อยสิบวันเลยค่ะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัยแล้ว) อะไรที่อาจจะต้องใช้เพิ่ม ไปหามาเติมซะ ถ้าไปเที่ยวกันหมดบ้าน ให้เตรียมเบอร์ติดต่อของเพื่อนบ้านที่ซี้ๆกัน หรือญาติที่ฝากให้มาดูแลบ้าน (ดูแลหมา) ด้วย คุณอาจจะมีปัญหาติดแหง็กอยู่ต่างประเทศเพิ่มอีกวันสองวัน หรือมากกว่านั้น (ดูกรณีภูเขาไฟระเบิดเป็นตัวอย่าง) หากมีเหตุฉุกเฉิน อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ไว้ใจได้ ไว้ให้โทรสั่งงาน

- สุดท้าย ท้ายสุด ที่อยู่ และเบอร์โทรของคนที่คุณมีจิตใจห่วงใย พกมันไปด้วย เผื่ออยากจะส่งโปสการ์ด แต่จำไม่ได้ว่าพี่สาวแต่งงานไปอยู่กะพี่เขยแล้วบ้านเลขที่ที่ลำปางของแกเท่า ไหร่ จะอดส่ง หรือเกิดโทรศัพท์คุณมีปัญหาโทรออกไม่ได้ แล้วดันจำเบอร์โทรของอาจารย์ที่เคารพไม่ได้ จะโทรไปอวยพรวัเนกิดซะหน่อย ก็จะพลาดกัน ลิสต์ฝากซื้อของของเจ้านายที่ฝากมา เตรียมไว้ให้ใกล้มือ แล้วก็อย่าลืมหาใครปักตะไคร้เสียด้วย จะได้ประสบพบพานแต่อากาศดีตลอดทริปค่า






ขอแนะนำเพิ่มเติม เสื้อยกทรง กางเกงใน ที่เก่า ๆ แล้ว อย่าเพิ่งทิ้งเก็บเอาไว้ก่อน เวลาไปเที่ยวก็เอาไปใช้ เสร็จแล้วทิ้งไปได้เลย สบายใจ ประหยัดเนื้อที่ ไม่ต้องซักไม่ต้องตาก
ถึงจะมีเก่า ๆ ไม่มากครบตามจำนวนวัน แต่ก็ดีกว่าต้องซักต้องตากทุกวัน
อีกอย่าง คืนไหนเหนื่อยก็นอนเลย






หุหุ ชอบมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเอาผ้าปูเตียงใช้แทนผ้าเช็ดตัวเนี่ย

เรื่อง เสื้อผ้า มีประสบการณ์ตรงมาแล้ว ไปอินเดียสามเดือนแบบว่าอะไรๆก็เอาไป สุดท้ายต้องฝากเพื่อนกลับมาเมืองไทยมาเพียบ เหลือไว้แต่ที่ใด้ใช้จริงๆ อีกอย่างถ้าไปพักที่ไหน แล้วเราสามารถซักผ้าตากได้ เราจะรีบทำเลยนะ จะได้แห้งทัน ยิ่งใกล้จะกลับของฝากเยอะ เป้ไม่มีที่ยัดเสื้อผ้าเริ่มทิ้งไว้ตามเกสท์เฮาส์ สรุปกลับมาเมืองไทยเหลือเสื้อผ้าติดเป้มาไม่กี่ตัว

ช่วงนี้ไม่มี โอกาสได้ไปไหนไกลๆนานๆ แต่จากบทเรียนครั้งที่แล้ว ทำให้เราได้รู้ว่าคราวต่อไปจะจัดเป้ยังงัย ยิ่งได้มาเจอกระทู้นี้ สุดยอดค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ





ขอแนะนำเพิ่มค่ะ

ตอนนี้เวลา ไปเที่ยวไหนๆจะใช้แจ็คเก็ตแบบนี้ ซื้อมาทางเน็ตจากอเมริกา แนะนำให้ใช้แจ็คเก็ตแบบนี้จะได้ไม่ต้องถือกระเป๋าเที่ยว โอกาสโดนล้วงกระเป๋าก็น้อยลง เสื้อแจ็คเก็ตแบบนี้จะมีกระเป๋าซ่อนข้างในหายสิบช่องมากๆ สะดวกดีโดยเฉพาะเวลาขึ้นเครื่องบิน ใส่กล้อง พาสปอร์ต แว่นกันแดด ปากกากระดาษ หนังสือ น้ำ มือถือ ตังค์ ได้ครบเลย






เสื้อผ้าที่เราเคยแพคลงกระเป๋า (ยับน้อยและใส่ได้เยอะ)
พวกเสื้อยืดที่รีดแล้วพับมาวางซ้อนกัน 3-4 ตัว แล้วค่อยๆม้วนรวมกัน
พวกกางเกงยีนส์ วางกางเกงยีนส์รวมกัน แล้วม้วน
จะม้วนก้อนเล็กหรือใหญ่ก็แล้วแต่ค่ะ แต่ให้เอาผ้าที่หนักไว้ก้นกระเป๋าก่อน

ผ้าที่ไม่รีดก็พับแล้วนำมาซ้อนแล้วม้วนรวมกันค่ะ

เทคนิคคือม้วนที่ละชุดแล้ัววางใส่กระเป๋าเลย อย่าม้วนแล้วเก็บทีเดียวผ้ามันจะคลายค่ะ

วิธีนี้เราใช้ทุกครั้งจุเสื้อผ้าได้มากกว่าพับวางธรรมดาค่ะ (ครอบครัวเรา 4 คน ผ้าเลยเยอะค่ะ)





หนายใครบอกอยากเห็นเป้เค้า เอามาให้ดูกันเลย ตอนแบกขึ้นเขาที่มอนเตอเนโกร เอาแบบไกลๆละกันคะ เทียบกะขนาดคน เนื่องจากเราพกกระเป๋าขึ้นเครื่องตลอด มันเลยหนักไม่เกินเจ็ดกิโลกรัม ก็หน้าตาประมาณนี้ค่ะ เป้ผ้าไร้ซึ่งยี่ห้อ ราคา 15 ยูโรซอกซอยเยอะไปหมดแ แต่สะดวกหาของง่ายดี และทำให้ขโมยขโจรไม่เคยเข้าใกล้เลย คริๆๆ ก็คงเป็นหน้าตาคนแบกค่ะ

ดีใจ ที่หลายๆคนชอบค่ะ แถมมีทริคดีๆ มาฝากคนอื่นด้วย หวังว่ากระทู้คงจะอยู่นาน ให้ใครอีกหลายๆคนได้ใช้ประโยชน์ไปก่อน ที่มันจะตกหายไปตามกาลเวลา





อ่อ ลืมรองเท้าไปเหรอคะ ว้าย ได้อย่างไรกัน

ปกติ เราจะมีคู่เดียวที่ใส่อยู่อะค่ะ เพิ่งมาทริปหลังๆ ไปได้รองเท้ายาง แบบใส่อาบน้ำด้วยก็ได้ ใส่เที่ยวด้วยได้ ซื้อมาจากร้านขายของจีน 1.5 ยูโรเอง ก็เลยเพิ่งมีสองคู่เองค่ะ

รองเท้าขึ้นอยู่กับฤดูกาลนะคะ ถ้าเป็นฤดูหนาว มันจะต้องมีถุงเท้าไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ ถ้าเป็นหน้าร้อน ผ้าใบเบาๆ หรือจะเอาแตะคู่ซี้ก็ไม่ว่ากัน จริงๆแล้ว สำหรับการเดิน(ลงเขา ลงเนิน) แตะที่เปิดนิ้วเท้า จะเดินสบายกว่ารองเท้าผ้าใบอีกค่ะ เพราะนิ้วเท้าเราไม่โดนกระแทกลงไป

รองเท้าไม่จำเป็นว่าต้องเป็น รองเท้าเดินป่า รองเท้าหุ้ม หรือยี่ห้ออะไรแสนแพงเว่อร์ ที่เพื่อนคุณมาบอกว่าสบาย ใส่ดี เพราะเท้าคนมันไม่เหมือนกัน เพื่อนอาจจะใส่แล้วดี แต่คุณใส่แล้วมันไม่ดีก็ได้ ตีงใครก็ตีงมัง

รองเท้าที่ดี ควรจะเป็นคู่ที่เราใส่ประจำอยู่แล้ว ยามไปเดินช้อปปิ้ง
อ่ะ ถูกต้องนะคะ การเดินช้อปปิ้งของคุณสาวๆ ถ้าคุณใช้เครื่องนับก้าว คุณจะรู้ว่าวันๆนึงที่ไปเดินเล่นอยู่ในสยาม แพลตินัม พาราก้อนเนี่ย คุณเดินไปกี่สิบกิโลเมตรแล้ว หากรองเท้าคู่นั้นไม่ทรยศคุณ พาไปช้อปปิ้งหนไหน เดินสบาย กลับถึงบ้านไม่มีเมื่อย ให้ตอบแทนมันด้วยการพามันมาเดินต่อที่เมืองนอกเลย ให้คู่อื่นอิจฉามันไปเลย

เพื่อน เราคนนึง ติดส้นสูงมาก เธอเดินอย่างมีความสุข และสบายเท้า สบายตัวอยู่ในส้นสูงบูทคู่โปรด เราก็บอกว่าเอาไปเถอะถ้าใส่แล้วสบาย เธอก็เดินด้วยบูทคู่นั้นขึ้นสู่ยอดเขา Patrick Croghe อย่างมีความสุข (มันสูงกี่พันเมตรละนั่น) ท่ามกลางสายตา และปากที่อ้าค้างของนักเดินเขารายอื่นๆ เรื่องของรองเท้ามันอยู่ที่ความเคยชินจริงๆค่ะ

สำหรับคนที่พักโรงแรม ไม่ต้องเอารองเท้ายางสำหรับเข้าห้องน้ำไปก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพักโฮสเทล หรือที่เป็นห้องน้ำรวม เอาแตะคีบร้ายๆ คู่ที่จะทิ้งมาด้วย (ใส่ถุงพลาสติกแยกไว้) แล้ววันจะกลับเมืองไทย ถ้าเห็นว่ามันหมดความสำคัญก็โยนทิ้งไปหรือทิ้งไว้ที่โฮสเทลสุดท้ายก็ได้ค่ะ จะได้เป็นประโยชน์คนอื่นต่อไป

เราเพิ่งทิ้งไปคู่นึง หลังจากใส่มันจนขาดคาเท้าไปเลย ไม่อยากทิ้งมันเลย เพราะสบายมาก แต่มันซ่อมไมได้แล้วจริงๆ รองเท้าใส่เที่ยวนี่ คู่ไหนก็คู่นั้น หากคุณใส่คู่ไหนสบาย แม้มันจะแปลกประหลาด อย่าได้เอาไปเทียบกะคนอื่นค่ะ ไม่มีใครรู้จักเท้าของคุณ ได้ดีเท่าคุณ

หากซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ก่อนจะพามันมาเมืองนอก ควรพาไปเดินช้อปปิ้งเสียก่อนอย่างน้อยสามหนขึ้นไป (เอาแบบตั้งแต่สายยันดึก) ถ้าเห็นว่าใช้ได้จึงค่อยใส่มาเที่ยวยุโรปนะคะ





คุณสีดาคะ

ดิฉันไม่พกมีดแบบที่ ห้ามขึ้นเครื่องอ่ะค่ะ มีแต่มีดพลาสติก ช้อน ส้อม และกล่องมีฝาปิดอันนึง เอาไว้เผื่อซื้ออาหารแล้วพกขึ้นไปกินบนรถไฟก็ใส่กล่องตัวเองไป เพราะฝาปิดแข็งแรงกว่า เอาเข้าไมโครเวฟก็ได้ กับกระติกน้ำ ซึ่งจริงก็คือขวดน้ำดึ่มที่ซื้อไว้แล้วเอามาเติมไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ ไม่เคยใช้มีดเลยค่ะ ขนาดมีไว้ยังไม่ค่อยได้ใช้ ผลไม้ซื้อมา กัดเลยคะถ้าเป็นส้มก็เอามีดไถๆ เอาพอให้ปอกได้อ่ะค่ะ ไม่ค่อยพกอาหารค่ะ ยกเว้นซื้อเป็นมื้อๆ ไว้กินบนรถไฟ ไม่งั้นก็ไปนั่งทานที่ตู้สเบียงค่ะ เลยแนะนำไม่ถูกเลย

เคยเห็นคนที่ซื้อผ้านวมเขาก็เอาใส่ถุงสูญญากาศนะ คะ มาแบบเล็กๆ แบนๆ พอแกะถุงออก โอ้ ผ้าฟู๊ฟูผืนเบ้อเริ่ม น่าจะใช้ดีค่ะ แต่แถวนี้หาซื้อยากนิดนึง ว่าจะลองอยู่เหมือนกันค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

พรรณไม้บนดอยหลวงเชียงดาว

ผมเคยเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาวมาแล้วครับ

แต่คราวนั้น บอกตรงๆว่าดอกไม้สวยๆเยอะมาก แต่เราไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของดอกไม้เหล่านั้น

ก่อนจะขึ้นดอยหลวงเชียว คราวนี้ผมขอเตรียมตัวทำความรู้จักกับพรรณไม้นานาชนิดบนดอยหลวงเชียวดาว

ผมได้ทำลิสต์รายชื่อดอกไม้เก็บไว้ใน google drive ตามลิงค์ด้านล่างนี้
https://docs.google.com/document/d/1_JCPpo8l8cp7W5xr-THyZIS2vjKIoYJRC_WgPxP6bQo/pub

และได้แจ้งแหล่งที่มาต่างๆสำหรับผู้สนใจด้วยครับ
ที่มา


รูปเมื่อครั้งที่ผมไปมาคราวที่แล้ว












วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วัดโสธร ตลาดเก่าเนื่องนครเขต

เป็นอีกที่หนึ่งที่แม่พาผมมาไหว้ตั้งแต่เด็กๆ วัดโสธรนี้คนเยอะมากมานานแล้ว จำความได้ว่าตอนเด็กคนเยอะแทบไม่มีที่จะนั่ง

คราวนี้ผมเลือกไปวันธรรมดาในวันกลางสัปดาห์เพื่อความคล่องตัว

 บรรยากาศภายในโบสถ์หลังเก่า

 
 
บางคนก็มาแก้บน
 
 
บรรยากาศรอบนอกโบสถ์หลังเก่า

บรรยากาศโบสถ์หลังใหม่

 
 

โรงเจ 

 
 
ถ่ายจากชั้น2โรงเจ

 
ถ่ายจากชั้น2โรงเจ
 
 
พอบ่ายๆ หน่อยเราก็กลับแล้วครับ ขากลับนึกยังไงไม่รู้ชวนแวะตลาดโบราณนครเนื่องเขต รู้นะครับว่าเค้าปิดวันธรรมดา แต่ก็คิดว่าแถวนั้นน่าจะเป็นชุมชน ไปวันธรรมดาก็จะได้เจอกับคนในชุมชน ซื้อของอะไรบ้าง แต่ที่ไหนได้ ร้างครับ!! คำเดียว 
 
 

สถานที่เที่ยวทั้งหมด

1 วัน 2 วัน 1 คืน 3 วัน 2 คืน 5 วัน 4 คืน กระเป๋า เกาะล้าน เกาะสีชัง ขนมจีนบ้านนา เขาค้อ เขาค้อทะเลหมอก เขื่อน จ.กรุงเทพ จ.กาญจนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ชัยภูมิ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา จ.น่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ปราจีนบุรี จ.เพชรบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.สระแก้ว จ.สระบุรี จ.สุโขทัย จ.สุพรรณบุรี จุดสำคัญ ชายหาดชะอำ ชายหาดหัวหิน ซิคาดา ดอย ดอยวาว ดอยเสมอดาว ดอยหลวงเชียงดาว ตลาดโต้รุ่ง ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตัวเมือง ตัวเมืองน่าน ตารางเวลา ทะเล ที่พัก น้ำตก น้ำตกเกริงกะเวีย น้ำตกจ๊อกกะดิ่ง น้ำตกตะเพินคี่น้อย น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกผาตาด น้ำตกลำเกลียว น้ำตกสันติสุข น้ำตกเอราวัณ บ้านเพลินดารา บ้านริมคลอง ปราสาทหินพิมาย พระตำหนักเขาค้อ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พัทยากลาง พุทธมณฑล ภูทับเบิก มีนบุรี ยอดเขาเทวดา ร้านอาหาร วัด วัดชนะสงคราม วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพระพายหลวง วัดพระพุทธบาท วัดภูมินทร์ วัดศรีชุม วัดสระศรี วัดหลวงพ่อโสธร สนามยิงปืนนเรศวร สะพานข้ามแม่น้ำแคว สังขละบุรี หัวหิน หาดถ้ำพัง อช.ทองผาภูมิ อช.ไทรทอง อช.ปางสีดา อช.พุเตย อนันตาริเวอร์ฮิลล์รีสอร์ท อุทยานประวัติศาสตร์ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานแห่งชาติ Asiatique